CD Projekt RED ประกาศเปิดตัวโปรเจกต์เกม The Witcher ภาคใหม่ที่กำลังพัฒนาอยู่ไปแล้วเมื่อปีก่อน พร้อมกับยอมทิ้ง RED Engine เอนจินที่ถูกสร้างขึ้นมาโดย CD Projekt RED สำหรับใช้ในการพัฒนา The Witcher 2: Assassins of Kings, The Witcher 3: Wild Hunt และ Cyberpunk 2077 แล้วเปลี่ยนมาใช้ Unreal Engine 5 ทั้งหมด โดยโปรเจกต์แรกที่จะมีการใช้ Unreal Engine 5 ก็คือโปรเจกต์ Polaris นั่นเอง
ล่าสุดจากการประชุมผลประกอบการ Adam Kicinski ตำแหน่ง CEO ของ CD Projekt RED ได้พูดถึงเครื่องมืการพัฒนาเกมจาก Epic Game จะช่วยพาให้สตูดิโอก้าวไปข้างหน้าได้อย่างไรบ้าง ? คุณ Adam Kicinski เผยว่าตอนนี้สตูดิโอกำลังทำความคุ้นเคยกับเอนจินตัวใหม่ แต่ไม่ได้เร่งการพัฒนาโปรเจกต์ Polaris แต่อย่างใดหลังมีการเปลี่ยนแปลงจาก RED Engine มาเป็น Unreal Engine 5 แต่เชื่อว่าการสร้างเกมถัดไปจะราบรื่นขึ้นอย่างแน่นอน เรียกว่า Uneal Engine 5 เป็นเหตุผลหลักเลยก็ว่าได้ที่ทำให้ CD Projekt RED เปลี่ยนมาใช้เอนจินตัวนี้ นอกจากนี้สตูดิโอยังมีแผนที่จะวางจำหน่ายไตรภาคใหม่ของ The Witcher ภายในระยะเวลา 6 ปีนี้
.
ย้อนกลับไปช่วงเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว CD Projekt RED ยืนยันว่า The Witcher 4 กำลังอยู่ช่วง Pre-Production และมีทีมงานมากกว่า 100 ที่พัฒนาโปรเจกต์นี้อยู่ และการเปลี่ยนไปใช้ Unreal Engine 5 จะช่วยให้ทีมประหยัดเวลาในการพัฒนามากขึ้นด้วย รวมถึงยังมีอีกหนึ่งเกมอย่าง The Witcher Remake ที่ในภาคนี้จะกลายเป็นเกม Open World แบบเต็มรูปแบบด้วยขุมพลังของ Unreal Engine 5 โดยหน้าที่การพัฒนาตกเป็นของ Fool’s Theory ร่วมกับ CD Projekt RED คาดว่าตัวเกมมีกำหนดวางจำหน่ายหลังโปรเจกต์ Polaris
.
ที่มา: https://gamingbolt.com/cdpr-says-unreal-engine-5-will…
Gamer Inside X Feel by narong